- Admin
- 24 NOVEMBER 2025
แชร์เทคนิคเล็กๆ ที่จะทำให้พนักงานทำงานได้ดีขึ้น! คู่มือเสริมพลังคนทำงานฉบับ HR มืออาชีพ
พนักงานบางคนมีศักยภาพสูง แต่เพราะระบบไม่เอื้อ…ก็เลยไม่สามารถฉายแสงได้ บางคนถูกสั่งงานแบบไม่ชัดเจน ทำให้ท้อบางคนรู้สึกว่าความพยายามของตัวเองไม่มีค่า บางคนอยากพัฒนา แต่ไม่มีเครื่องมือหรือคำแนะนำ
เมื่อความจริงคือ “คนอยากทำงานดีขึ้น…แต่เขาต้องการพื้นที่ที่ช่วยให้ทำได้ดีขึ้นจริงๆ” วันนี้อยากพาทุกคน มารู้จักเทคนิคเล็กๆ แต่ทรงพลัง ที่องค์กรสามารถนำไปใช้ได้แบบง่ายๆ และเห็นผลจริง
1. เริ่มจาก “ความชัดเจน” เพราะงานดี = งานที่รู้ว่าต้องทำอะไร
ความสับสนคือศัตรูตัวฉกาจของประสิทธิภาพเสมอ มีพนักงานจำนวนมากทำงานเก่งอยู่แล้ว แต่ติดที่…
- หัวหน้าไม่อธิบายงานให้ชัด
- เป้าหมายไม่เคลียร์
- ไม่รู้ลำดับความสำคัญ
- ไม่รู้ว่าต้องส่งงานเมื่อไหร่
- ใช้เวลาคาดเดามากกว่าลงมือทำ
HR หลายที่มองข้ามจุดนี้ แต่จริงๆ “ความชัดเจน” คือเครื่องมือราคาถูกที่สุด แต่ทรงพลังที่สุดที่จะทำให้พนักงานทำงานดีขึ้นแบบทันที
✔ เทคนิคง่ายๆ ที่ทำได้เลย
- ให้หัวหน้าตั้งเป้าแบบ SMART
- สรุปงานทุกครั้งเป็นข้อๆ ไม่ใช่คุยลอยๆ
- บอก Deadline ให้ชัด ไม่ใช้คำว่า “เดี๋ยว” หรือ “ว่างเมื่อไหร่”
- ทำ Template งานแต่ละประเภท เพื่อลดความคลาดเคลื่อน
- ใช้เครื่องมือจัดการงาน เช่น Trello, Notion, Asana หรือระบบ HR/Workflow ของบริษัท
ใครๆ ก็ทำงานดีขึ้นได้…ถ้าเขารู้ว่าต้องทำอะไรและทำเพื่ออะไร
2. แรงบันดาลใจเล็กๆ ช่วยเปลี่ยนวันธรรมดาให้ productive
อย่าดูถูก “กำลังใจเล็กๆ” นะคะ เพราะบางทีคำชมเพียงประโยคเดียวจากหัวหน้า…
อาจให้พลังมากกว่าที่คิด
มนุษย์ทุกคนอยากรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และงานที่ทำ…ไม่ได้ลอยหายไปกับอากาศ
✔ วิธีให้กำลังใจที่ใช้ได้จริง
- ชมแบบเฉพาะเจาะจง เช่น “ชอบมากเลยนะที่จัดข้อมูลตรงนี้ให้เราอ่านง่ายขึ้น”
- ให้ Feedback ที่เป็นบวก ควบคู่กับข้อเสนอแนะจริงใจ
- ทำวัฒนธรรม “Thank you day” หรือ “ชมเพื่อน 1 ครั้งต่อสัปดาห์”
- หัวหน้า Line หาลูกทีมว่า “วันนี้ทำได้ดีมากนะ” แบบไม่ต้องพิธีรีตอง
สิ่งเล็กๆแบบนี้ สร้างทีมที่มั่นใจในตัวเองขึ้นได้แบบมหาศาล
3.ให้พื้นที่ในการลองผิด–ลองถูก พนักงานจะเก่งขึ้นแบบยั่งยืนกว่าเดิม
องค์กรจำนวนมากอยากให้พนักงาน “เก่งขึ้น” แต่ดันไม่ยอมให้โอกาสพนักงานลองทำอะไรใหม่ๆ เลย
📌 ความจริงคือ:
พนักงานจะเติบโตได้…เมื่อมีพื้นที่ล้มเหลวอย่างปลอดภัย
✔ สิ่งที่ HR และหัวหน้าทำได้
- สร้างพื้นที่ทดลองงาน เช่น Pilot project
- มอบหมายงานใหม่โดยมี Mentor คอยแนะนำ
- เปลี่ยน mindset จาก "ผิด = ลงโทษ" เป็น "ผิด = เรียนรู้"
- ให้เวลาพนักงานศึกษาและฝึกทักษะอย่างจริงจัง
เพราะทุกครั้งที่พนักงานลองอะไรใหม่แล้วสำเร็จ เขาจะได้ความมั่นใจกลับไปเต็มกระเป๋า
4. ช่วยพนักงานจัดการงานให้ดีขึ้น ด้วยเครื่องมือที่ใช่
บางทีพนักงานไม่ได้ทำงานแย่ แต่ “ระบบทำให้เขาทำงานแย่” เช่น
- ส่งเอกสารลางานยุ่งยาก
- คำนวณเวลาเข้า–ออกผิด
- หางานเก่าที่เคยทำไม่เจอ
- งานแอดมินเยอะจนไม่มีเวลาทำงานหลัก
ตรงนี้ HR มีบทบาทสำคัญที่สุดค่ะ ยิ่งระบบดี คนยิ่งทำงานได้ดี
✔ ตัวอย่างเครื่องมือที่ช่วยได้จริง
- ระบบ HR ออนไลน์ช่วยลงเวลา–ลางานแบบไม่ยุ่ง
- โปรแกรมแจ้งซ่อม–จัดการงาน (ถ้าเป็นโรงงาน)
- ซอฟต์แวร์จัดการเอกสาร
- ระบบ Work request
- แอปจัดการสื่อสารภายในทีม
- โปรแกรมประชุมออนไลน์ที่ใช้ง่าย
เมื่อเครื่องมือ “ทำงานแทนบางส่วน” พนักงานก็มีแรงเหลือไปใส่ในงานที่สำคัญจริงๆ
5. ให้ทิศทางที่มั่นคง พนักงานจะไม่สับสนเวลาเจอปัญหา
พนักงานที่หลงทาง…ทำงานได้ช้า พนักงานที่รู้ทิศทาง…ทำงานได้มั่นใจ
น้ำเสียงขององค์กรสำคัญมากนะคะ ถ้าองค์กรชัดเจนว่าเป้าหมายคืออะไร วัฒนธรรมคืออะไร พนักงานยิ่งสบายใจในการตัดสินใจระหว่างวัน
✔ วิธีเพิ่มความชัดเจนเชิงยุทธศาสตร์
- บอก Vision–Mission แบบที่เข้าใจได้จริง
- แปลเป้าหมายองค์กรให้เป็นเป้าหมายรายทีม
- ให้หัวหน้าประชุมสั้นๆ 10 นาทีทุกสัปดาห์ทบทวนทิศทาง
- ทำ Dashboard ให้ทุกคนเห็นว่าองค์กรกำลังไปได้ดีแค่ไหน
พนักงานที่รู้ทาง จะเดินได้เร็วขึ้นเสมอค่ะ 🌤️
6. ฟังพนักงานให้มากขึ้น—และฟังแบบตั้งใจจริง
“การฟัง” คือเครื่องมือราคาถูกที่สุดที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า แต่เป็นสิ่งที่หลายองค์กรทำได้น้อยที่สุด
พนักงานหลายคนมีคำแนะนำดีๆ แต่ไม่รู้จะบอกใคร หลายคนมีปัญหา แต่กลัวโดนตำหนิหลายคนอยากเสนอไอเดีย แต่ไม่รู้ว่าหัวหน้าจะเปิดใจไหม
✔ เทคนิคฟังให้เป็น
- ให้เวลาฟังปัญหาโดยไม่ขัด
- ถ้าพนักงานเสนอไอเดีย ให้ถามต่อว่า “ถ้าทำได้จริง อยากเริ่มยังไงดี?”
- ทำกล่อง Suggestion Box ออนไลน์
- ทำแบบสอบถามสั้นๆ ให้พนักงานตอบเดือนละครั้ง
- ทำ One-on-One meeting แบบเป็นกันเอง
แค่การฟัง ก็เป็นการบอกว่า “คุณมีตัวตน และเสียงของคุณมีความหมาย”
7. ทำให้พนักงานรู้สึกว่า “งานของเขามีผลต่อภาพใหญ่”
มนุษย์ทุกคนอยากรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำ…ส่งผลต่ออะไร ถ้าพนักงานมองไม่เห็นคุณค่าในงานของตัวเอง เขาจะเริ่มหมดไฟได้ง่ายมาก
✔ วิธีทำให้พนักงานเห็นความหมายของงาน
- อธิบายว่างานที่ทำ ส่งผลต่อทีม/ลูกค้า/บริษัทอย่างไร
- แชร์ผลลัพธ์ของงาน เช่น ข้อมูลยอดขายหลังแคมเปญ, คุณภาพงานดีขึ้น, ลูกค้าชม
- ทำกิจกรรม “แชร์เรื่องดีๆ ของเดือนนี้”
- ให้พนักงานได้พูดถึงสิ่งที่ตัวเองภูมิใจในเดือนนั้น
เวลาพนักงานเห็นคุณค่าของตัวเอง เขาจะเริ่มตั้งใจพัฒนาโดยไม่ต้องมีใครบอกเลยค่ะ
8. สร้างบรรยากาศการทำงานที่อบอุ่น แต่ไม่ล้ำเส้น
บรรยากาศที่ดีช่วยพนักงานได้มากกว่าที่คิด เพราะคนจะทำงานได้ดี…ในที่ที่เขารู้สึกปลอดภัย
✔ ไอเดียง่ายๆ ที่สร้างได้เลย
- Greeting ยามเช้าในทีม
- มุมน้ำ–ขนมเล็กๆ ในออฟฟิศ
- วันกินข้าวเที่ยงพร้อมกันของทีม
- กิจกรรมเล็กๆ เช่น “ถามคำถาม 1 คำต่อสัปดาห์”
- วันแต่งตัวตามธีม (แต่ต้องไม่บังคับ)
สิ่งเล็กๆ เหล่านี้ ทำให้ทีมรู้สึกว่า “ที่นี่คือที่ของเรา”
9. ออกแบบงานให้สอดคล้องกับจุดแข็งพนักงาน
หัวหน้าที่ดี รู้ว่าพนักงานแต่ละคนเหมาะกับงานแบบไหน เพราะมนุษย์ทุกคนมี “จุดแข็ง” ไม่เหมือนกัน
- บางคนเก่งวิเคราะห์
- บางคนเก่งขาย
- บางคนเก่งบริหารเวลา
- บางคนเก่งงานสร้างสรรค์
- บางคนเก่งประสานงานมากๆ แม้จะไม่ได้เด่นด้านเทคนิค
ถ้าองค์กร “จับงานตรงกับจุดแข็ง” ประสิทธิภาพก็จะเพิ่มขึ้นแบบอัตโนมัติ
✔ วิธีค้นหาจุดแข็ง
- ใช้แบบประเมินบุคลิกภาพ
- ทำงานร่วมกันระยะหนึ่งแล้วสังเกต
- ถามพนักงานตรงๆ ว่าชอบงานแบบไหน
- ให้พนักงานลองหมุนเวียนงานเพื่อดูว่าใครถนัดอะไร
งานจะดีขึ้นได้…ถ้ามอบหมายให้คนที่เหมาะจริงๆ
10. สร้างเป้าหมายเล็กๆ ที่สำเร็จได้ง่าย เพื่อเพิ่มความรู้สึก “ชนะ”
มนุษย์ทุกคนต้องการความรู้สึก “สำเร็จ” แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ตาม
พนักงานที่สะสมชัยชนะเล็กๆ จะมีกำลังใจมากขึ้น และทำให้งานใหญ่สำเร็จง่ายขึ้นด้วย
✔ วิธีสร้างความรู้สึก “ชนะเล็กๆ”
- แบ่งงานใหญ่เป็นงานย่อย
- เช็กงานเป็นระยะ เพื่อให้พนักงานได้เห็นความคืบหน้า
- ฉลองความสำเร็จเล็กๆ เช่น ส่งสติกเกอร์แสดงความดีใจในไลน์
- ตั้งเป้ารายสัปดาห์แทนการตั้งเป้ารายเดือนที่ไกลเกินไป
ความสำเร็จเล็กๆ = แรงผลักดันใหญ่เสมอค่ะ
บทสรุป: เทคนิคเล็กๆ แต่เปลี่ยนองค์กรได้จริง
สิ่งที่ทำให้พนักงานทำงานดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่เสมอไป แต่คือ “รายละเอียดเล็กๆ” ที่องค์กรใส่ใจในแต่ละวัน
✔ ความชัดเจนของงาน
✔ กำลังใจเล็กๆ
✔ ระบบที่ซัพพอร์ต
✔ วัฒนธรรมการฟัง
✔ ความรู้สึกปลอดภัย
✔ การมอบหมายที่ตรงจุดแข็ง
✔ ความรู้สึกว่า “งานของฉันมีความหมาย”
และทั้งหมดนี้ ไม่ต้องใช้งบมาก แต่ได้ผลมาก
เพราะเมื่อพนักงานมีพลัง…บริษัทก็เดินหน้าได้เร็วขึ้นอย่างแท้จริง